เชื่อว่า เพื่อน ๆ ที่ใส่ใจการดูแลผิวทุกคนจะต้องมีมอยเจอร์ไรเซอร์ตัวเด็ดที่เราใช้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่เราเคยสงสัยไหมว่า นอกจากเติมความชุ่มชื้นให้ผิวแล้ว มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยอะไรบ้าง? ทำไมมันถึงเป็นสกินแคร์ขั้นพื้นฐานที่ควรใช้ทุกวัน และส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์คืออะไรบ้าง
มอยเจอร์ไรเซอร์ คืออะไร
มอยเจอร์ไรเซอร์ หรือ Moisturizer คือผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้ผิวชุ่มชื้น ถ้าถามว่ามอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยอะไร ก็ตอบได้ง่าย ๆ ว่า ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหรือล็อกความชุ่มชื้นให้ไม่ระเหยออกจากผิวของเรานั่นเอง
มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยอะไรบ้าง
ความชุ่มชื้น คือ พื้นฐานของผิวที่แข็งแรง
หลายคนรู้กันอยู่แล้วว่า มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิวของเรา แต่อาจจะยังสงสัยว่า ทำไมถึงจำเป็นต้องใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ทุกวัน เหตุผลก็เป็นเพราะ ในแต่ละวันผิวของเราจะต้องเจอกับอะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แสงแดด ฝุ่นควัน มลภาวะ หรือ อากาศที่แห้ง ซึ่งยิ่งจะเพิ่มอัตราการสูญเสียน้ำของผิว (หรือที่เรียกกันว่า transepidermal water loss) ซึ่งเราอายุมากขึ้น ผิวก็ยังบางลง และยิ่งผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ทำให้เก็บความชุ่มชื้นได้ไม่ค่อยอยู่
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์หลายตัวที่มี active ingredient อย่าง Retinol ที่ช่วยผลัดเซลล์ หรือยาแต้มสิวที่มีกรด Salicylic ก็ยังมีส่วนทำให้ผิวแห้ง และระคายเคืองด้วย
มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยอะไรบ้าง
- ลดอัตราการสูญเสียน้ำของผิวและเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
- คงความชุ่มชื้น ป้องกันปัญหาผิวแห้งแตกลอกซึ่งจะทำให้ผิวเกิดความระคายเคือง
- รักษาปราการผิวให้แข็งแรงและรักษาความสมดุลของระบบนิเวศผิว (Skin microbiome)
- ช่วยให้ผิวมีสัมผัสที่นุ่มนวล และดูมีสุขภาพดียิ่งขึ้น
- มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีองค์ประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และการแก่ตัวของผิวที่เกิดจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อมอีกด้วย
ส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์
ได้รู้กันไปแล้วว่า มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยอะไรบ้าง เรามาดูกันว่า มอยเจอร์ไรเซอร์ส่วนใหญ่นั้นมีส่วนผสมอะไรบ้างที่จะช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิวของเรา
เราสามารถแบ่งส่วนผสมในมอยเจอร์ไรเซอร์ตามสรรพคุณของมันได้ออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ Humectant, Emollient, และ Occlusive ซึ่งต้องโน้ดไว้หน่อยว่า ส่วนผสม 1 ตัว อาจทำหน้าที่ได้มากกว่า 1 อย่าง เช่น Ceramide ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้ง Emollient และ Occlusive โดยมอยเจอร์ไรเซอร์แต่ละตัว ก็จะมีอัตราส่วนผสมที่ต่างกัน บางตัวอาจจะเน้น Humectant หรือ บางตัวเน้นแค่ Occlusive ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละแบรนด์เลย
Humectant หรือ ตัวดูดซับความชื้น
ตัวอย่าง Humectant ที่พบบ่อย: Glycerin, Hyaluronic acid, และ Urea
Humectant เป็นส่วนผสมที่ดูดซับความชื้น ซึ่งทำหน้าที่ในการดึงเอาน้ำจากอากาศและจากผิวชั้นลึกมาไว้ที่ผิวชั้นหนังกำพร้า หรือจะเรียกว่า ดูดน้ำมาเก็บที่ผิวชั้นบนสุดก็ได้ ซึ่งเจ้า Humectant ก็จะทำงานคู่กันกับส่วนผสมกลุ่ม Occlusive ที่เป็นตัวช่วยป้องกันผิวสูญเสียน้ำได้อย่างดี
Emollient หรือ ตัวให้ความนุ่มลื่น
ตัวอย่าง Emollient ที่พบได้บ่อย: Ceramide, Shea butter, Jojoba oil, และ Allantoin
Emollient เป็นตัวทำหน้าที่ปลอบประโลมและทำให้ผิวมีสัมผัสนุ่มลื่น สารกลุ่ม Emollient จะแทรกตัวเข้าไปเต็มช่องว่างระหว่างเซลล์ของผิวชั้นหนังกำพร้า และทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิว ซึ่งทำให้ผิวของเรานุ่ม ชุ่มชื้น และแข็งแรงมากขึ้น
Occlusive หรือ ตัวป้องกันการระเหย
ตัวอย่าง Occlusive ที่พบได้บ่อย: Lanolin, Petrolatum, และ Squalene
สารกลุ่ม Occlusive ไม่สามารถเติมน้ำให้ผิวได้เหมือน Humectant แต่จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกจากผิว หรือก็คือป้องกัน Transperidermal water loss นั่นเอง สารกลุ่มนี้เลยจะมีเนื้อและสัมผัสที่หนักและเหนียว หากใครนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงผลิตภัณฑ์อย่าง ปิโตรเลียม เจลลี่ (Petroleum jelly) ที่เนื้อจะออกเป็นขี้ผึ้งเหนียว ๆ ซึ่งก็คือเป็น Occusive ล้วน ๆ เลย
เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ ให้เหมาะกับผิว
เชื่อว่า คนรักผิวหลาย ๆ คน คงเคยไปยืนงงอยู่ท่ามกลางมอยเจอร์ไซเซอร์มากมาย เพราะไม่รู้จะเลือกซื้อมอยเจอร์ไรเซอร์แบบไหนดี INGU เลยอยากสรุปข้อมูลให้เล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินของเพื่อน ๆ
ผิวที่แห้ง คือผิวที่เก็บความชุ่มชื้นได้น้อย ซึ่งจะเหมาะกับมอยเจอร์ไรเซอร์แบบเนื้อครีมที่เป็นแบบ Oil-based มากที่สุด เพราะน้ำมันเป็นส่วนผสมจะช่วยล็อกไม่ให้ความชุ่มชื้นระเหยออกจากผิว ในขณะที่ส่วนผสมกลุ่ม Humectant จะช่วยดึงน้ำมาสู่ผิว และส่วนผสมที่คนที่ผิวแห้งควรหลีกเลี่ยง ก็คือ แอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำได้ง่ายขึ้น
เพราะคนผิวมันมักจะมีรูขุมขนกว้างจึงควรเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันน้อย หรือแบบ Oil-free ไปเลย เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขน คนผิวมันจึงเหมาะกับมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เป็น Water-based เช่น มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจล หรือเนื้อผสมอย่างโลชั่นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่จะมีสัมผัสบางเบากว่าครีมก็ได้
คนผิวแพ้ง่ายควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม (fragrance-free) และมองหาสูตรที่มีส่วนผสมของสารปลอบประโลมผิว เช่น Aloe vera, Jojo bar oil, หรือ Allantoin
ต้องขอย้ำหน่อยว่า ไม่ว่าจะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์แบบไหน สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ เราต้องสังเกตผิวของตัวเองด้วยว่า มีการตอบสนองยังไงต่อสกินแคร์ที่เราใช้ อย่าลืมว่า ผิวของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ของที่คนอื่นใช้ดี อาจจะไม่ถูกกับผิวเราก็ได้
INGU แนะนำ: Green Tea Calming Cream และ Green Tea Deep Repair Cream
พอรู้กันแล้วว่า มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยอะไรบ้าง อิงกุก็อยากแนะนำ มอยเจอร์ไรเซอร์ 2 ตัวที่อุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระจากยอดใบชาเขียวออร์แกนิก ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ซึ่งทั้ง 2 ตัวก็เป็นไอเท็มจาก Essential serires ที่จะช่วยคงความชุ่มชื้น และความแข็งแรงให้ผิวของคุณ
Green Tea Calming Cream มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับคนผิวปกติ และคนผิวมัน
- เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย
- โดดเด่นด้วยส่วนผสมนวัตรกรรมอย่าง Aquaxyl™ และ Glyceryl Glucoside ที่ทั้งเติมน้ำให้ผิวและล็อกความชุ่มชื้นให้ผิว
- ประสานการทำงานกับ Ceramide Liposomes ในรูปแบบนาโนแคซูล ช่วยนำพาสาร Ceramides 3 ประเภท: NP, NG, AP เข้าสู่ชั้นผิว เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
- มี Niacinamide เปลี่ยนปัญหาผิวหมองให้กลับมากระจ่างใส
วิธีใช้:
ทาทั่วใบหน้าที่ยังมีความเปียกอยู่เล็กน้อยเพื่มเติมและล็อกความชุ่มชื้น ใช้เป็นประจำทุกวัน บ่อยครั้งตามต้องการ
Green Tea Deep Repair Cream มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับคนผิวแห้ง ถึงแห้งมาก
- เนื้อครีมเข้มข้น ไม่มัน ไม่เหนอะหนะ
- ล็อกความชุ่มชื้น ลดอัตราการสูญเสียน้ำด้วย Squalane ที่ได้จากพืช 100% พร้อมเสริมสร้างคงามสมดุลให้ผิว
- ประกอบด้วย Ceramide Liposomes ส่วนผสมนวัตรกรรมในรูปแบบนาโนแคซูล ช่วยนำพาสาร Ceramides 3 ประเภท: NP, NG, AP เข้าสู่ชั้นผิว เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
- มี Niacinamide ซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว ปรับโทนสีและลดจุดด่างทำให้ผิวกลับมากระจ่างใส
- รักษาความชุ่มชื้นและฟื้นฟูให้ผิว Sweet Almond Oil ที่มีกรดไขมัน Oleic Acid และ Linoleic Acid (น้ำมันที่ผลิตจากผิวโดยธรรมชาติ)
วิธีใช้:
ทาทั่วใบหน้าที่ยังมีความเปียกอยู่เล็กน้อยเพื่มเติมและล็อกความชุ่มชื้น ใช้เป็นประจำทุกวัน บ่อยครั้งตามต้องการ
ทั้ง Green Tea Calming Cream และ Green Tea Deep Repair Cream ปราศจากน้ำหอมและน้ำมันหอมระเหย คนที่ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้นะ
มีมอยเจอร์ไรเซอร์ดี ๆ ใช้แล้ว ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยการดื่มน้ำให้มาก ๆ พักผ่อนให้เพียง และทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วยนะ เพราะอย่าลืมว่า ไม่ว่าเราจะมีสกินแคร์บำรุงผิวที่ดีแค่ไหน สุขภาพภายในก็เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อผิวที่ไม่ควรถูกละลืมด้วย