ทำความรู้จัก “Skin Cycling” รูทีนช่วยผิวใส เห็นผลจริง และไม่ทำร้ายผิว

หลักการการดูแลผิวแบบ “Skin Cycling” ที่จริงก็คือ การหมุนเวียนสลับใช้สกินแคร์ในแต่ละวัน หรือเรียกว่า การสร้างไซเคิลในการใช้สกินแคร์นั่นเอง โดยคอนเซปต์การดูแลผิวแบบนี้ถูกตั้งชื่อโดย Whitney Bowe แพทย์ผิวหนังชาวนิวยอร์ก และกลายเป็นเทรนด์ผิวที่กำลังถูกแชร์กันฉ่ำใน TikTok ในช่วงปีที่ผ่านมา

Skin Cycling คืออะไร

คอนเซปต์ Skin Cycling คือ การสร้างไซเคิลที่ประกอบไปด้วย วันที่ผิวได้รับส่วนผสมที่ active และ วันที่ผิวได้พักผ่อนจากส่วนผสมเหล่านั้น เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือนการฝึกซ้อมของนักกีฬาที่ต้องมีวันที่เทรนด์หนัก ๆ สลับกับวันพักผ่อนให้กล้ามเนื้อได้ฟื้นตัวนั่นเอง

Skin Cycling มีประโยชน์ยังไง

1.ให้ผิวได้พักจาก active ingredient ลดโอกาสการระคายเคือง

รูทีน Skin Cycling ทำให้เราได้มีวันพักผ่อน ซึ่งจะช่วยป้องกันเราจากปัญหา Skincare Overdose หรือการใช้สกินแคร์มากเกินไปจนทำให้ระบบนิเวศของผิว (หรือ Skin Microbiome) เสียสมดุลได้ด้วย เพราะอย่าลืมว่า ไม่ว่าสกินแคร์ของเราจะมีส่วนผสมดีแค่ไหน ถ้าใช้มากไป มันก็อาจกลับมาส่งผลเสียให้ผิวของเราได้

2. เป็นรูทีนที่ง่าย และสามารถปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์ปัญหาผิวที่มีได้

รูทีน Skin Cycling ช่วยทำให้เราไม่ต้องโปะสกินแคร์ 4-5 ตัวในทุก ๆ วัน แต่ผิวของเรายังจะได้รับผลลัพธ์จากส่วนผสม active อย่างเต็มที่ ซึ่งเราสามารถปรับรูทีนที่ตัวเองอยู่ให้เป็นรูทีน Skin cycling ที่เน้นการแก้ปัญหาสิวหรือปัญหาสิวหมองคล้ำมีจุดด่างดำก็ได้

3. เป็นรูทีนที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิวได้อย่างดี

ในวันที่เราพักผิวจาก active ingredient จะเป็นช่วงเวลาที่ผิวของเราได้ฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ เหมือนกับเป็นวันสบาย ๆ ที่ทำให้ผิวได้ชาร์จพลังงานนั่นเอง

4. ช่วยประหยัดได้เยอะ

อีกหนึ่งข้อดีของรูทีน Skin Cycling คือ การที่เราไม่ต้องใช้สกินแคร์ที่มี active ingredient ทุกวัน ทำให้เราใช้สกินแคร์ตัวนั้น ๆ ได้นานขึ้น ซึ่งประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลย

ตัวอย่าง Skin Cycling: 3-day Routine สำหรับคนที่มีสิว

เล่าเฉย ๆ อาจจะไม่เห็นภาพ INGU เลยอยากลองยกตัวอย่างรูทีนแบบ Skin Cycling สำหรับคนที่เป็นสิว ให้เพื่อน ๆ ได้ลองดูเป็นแนวทางแล้วไปลองทำกันดู

โดยเริ่มจาก วันแรกที่จัดหนักไปด้วยส่วนผสม active เพื่อลดยับยั้งการเกิดสิว วันที่สองที่เป็นวันกระตุ้นคอลลาเจน และ วันที่สามซึ่งเป็นวันฟื้นฟูที่เราจะให้ผิวได้มีเวลาพักผ่อนนั่นเอง โดยทุก ๆ วันจะมี Core Routine หรือสกินแคร์สเต็ปเบสิก (คลีนเซอร์ มอยเจอร์ไรเซอร์ กันแดด) เป็นพื้นฐาน

Day1 - Core Routine + AHB/BHA

วันแรกของ Skin cycling เป็นวันที่เราจะจัดหนักกับ Active ingredient อย่าง AHA และ BHA ซึ่งช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิว ลดความมัน ลดการอุดตัน และยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย C.acnes

แนะนำสกินแคร์ใน DAY 1 สำหรับคนมีสิว: เจลแต้มสิว 4D Acne Calming Spot Gel และ 4D-Acne Clearing Toner

Day2 - Core Routine + Vitamin A

วันที่สองของ Skin cycling จะเป็นวัน active ingredient อีกตัวหนึ่ง นั่นก็คือ วิตามิน เอ หรือที่เรามักจะรู้จักกันในชื่อ เรตินอล (Retinol) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมตัวนางเอกของวงการสกินแคร์เลย ตัวเรตินอล มีสรรพคุณในการช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน และลดการอักเสบของผิว อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจน เผยผิวที่กระจ่างใส กระชับและแข็งแรง

วิธี Skin cycling ถือว่าเหมาะมากสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้ เรตินอล ครั้งแรก ซึ่งบางคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า ซื้อเรตินอลมาใช้แล้วหน้าพัง หรือซื้อเซรั่มวิตามินเอมาใช้แล้ว หน้าแห้งคันสุด ๆ

แนะนำสกินแคร์ใน DAY 1 สำหรับคนมีสิว: Green Tea Retinol Repair Shot

Day 3 - Core Routine อย่างเดียว

วันที่สามของ Skin cycling คือ วันพักผ่อนของผิว เป็นวันที่เราจะพักจากการใช้ active ingredient ทั้งหลาย แล้วมาเน้นการดูแลผิวแบบเบสิคอย่างเดียวนั้นก็คือ ทำความสะอาดใบหน้าด้วยคลีนเซอร์ เพิ่มชุ่มชื้นด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ และปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด นั่นเอง

หลังจบ DAY3 แล้ว เราสามารถวนกลับไปเริ่ม DAY1 ได้เลย แต่ขอย้ำกันหน่อยว่า สิ่งที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า วันไหนต้องใช้อะไร แต่อยู่ที่ว่า เราได้ให้เวลาผิวได้ฟื้นฟู โดยไม่ประโคมทุกสิ่งลงบนหน้าทุกวัน เท่านั้นเอง

INGU แนะนำ: สกินแคร์สำหรับ Skin Cycling เพื่อคนมีสิว

คนที่มี INGU เพื่อนผิวเพื่อนใจ อยู่แล้วจะเห็นสังเกตได้ว่า เราแบ่งสกินแคร์ออกเป็น Essential Series ซึ่งเป็นซีรีส์ที่ใช้ดูแลผิวได้ในทุก ๆ วัน และ Supplement Series ซึ่งประกอบไปด้วยเหล่าสกินแคร์เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุด เพื่อน ๆ ที่ใช้ INGU อยู่แล้ว ก็สามารถทำ Skin Cycling ยึดเอา Essential series เป็น Core routine และสลับใช้ Supplement series ตามปัญหาผิวที่มีได้เลยได้เลย

4D-Acne Clearing Toner

โทนเนอร์เคลียร์สิวเนื้อน้ำ มีความอ่อนโยน ทาแล้วไม่แสบหน้า ยับยั้ง 4 กลไกการเกิดสิว: ลดการผลิตน้ำมัน, ผลัดเซลล์ผิว, ยับยั้งแบคทีเรีย C.acnes, และลดการอักเสบของผิว

Active ingredients ประกอบด้วย:

  • AC.NET™ 3.0% ยับยั้ง 4 กลไกของการเกิดสิว ได้แก่ ลดการผลิตน้ำมัน ผลัดเซลล์ผิว ยับยั้งเชื้อ C.acnes และลดการอักเสบ
  • Upcycled Mangosteen 2.0% จากเปลือกมังคุดที่เหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมน้ำผลไม้ นำเปลือกมังคุดมาทำความสะอาด ก่อนสกัดออกมาส่วนผสมที่มีสรรพคุณช่วยยับยั้งเชื้อ C.acnes ที่เป็นตัวการของการเกิดสิวอักเสบ 
  • Time-Released AHA 2.0% หรือกรด AHA ที่มีนวัตกรรมการปล่อยตัวนาน 9 ชม. ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างมีประสิทธิภาพ และอ่อนโยนมากกว่ากรด AHA ทั่วไป ไม่ทำให้เกิดระคายเคืองแม้กับผิวแพ้ง่าย

วิธีใช้: ทาได้ทั้งใบหน้าโดยหลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา หลังอาบน้ำก่อนลงสกินแคร์ตัวอื่น 

หากเริ่มใช้ครั้งแรกควร เริ่มใช้เพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเพื่อให้ผิวปรับตัว ก่อนจะเพิ่มความถี่ในการใช้เป็นวันละครั้ง เช้าหรือเย็นก็ได้ และควรใช้ร่วมกับมอยเจอร์ไรเซอร์และครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป 

4D Acne Calming Spot Gel

เนื้อเจลใส แต้มได้ทั้งสิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวอักเสบตุ่มนูนแดง สิวอุดตันหัวดำ สิวอุดตันหัวขาว สิวอักเสบมีหนอง สิวอักเสบไม่มีหัว

Active ingredients ประกอบด้วย:

  • Encapsulated Salicylic Acid (BHA) 2.5% ที่ช่วยลดการผลิตน้ำมัน ผลัดเซลล์ผิว ยับยั้งเชื้อ C.acnes และลดการอักเสบ
  • Upcycled Mangosteen 2.0% จากเปลือกมังคุดที่เหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมน้ำผลไม้ นำเปลือกมังคุดมาทำความสะอาด ก่อนสกัดออกมาส่วนผสมที่มีสรรพคุณช่วยยับยั้งเชื้อ C.acnes ที่เป็นตัวการของการเกิดสิวอักเสบ 
  •  Niacinamide PC 3.0% ควมคุมความมันส่วนเกิน ลดการอักเสบของเซลล์ผิว และยังช่วยลดรอยดำจากสิวด้วย

วิธีใช้: แต้มบริเวณที่เป็นสิว ใช้ได้กับทั้งบริเวณผิวหน้าและผิวกาย วันละ 2 - 3 ครั้งโดยไม่ต้องล้างออก สามารถใช้ร่วมกับ 4D-Acne Clearing Toner ได้

Green Tea Retinol Repair shot 

ลดเลือนริ้วรอย เผยผิวเรียบเนียนใส กับ Green Tea Retinol Repair Shot เซรั่มเนื้อครีมกึ่งเจล สัมผัสบางเบา ซึมไว ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากต้นชาเขียวป่า และ Encapsulated retinol 3.0% หรือเรตินอลรูปแบบแคปซูล ที่มีความอ่อนโยนกว่าเรตินอลทั่วไป ทำงานร่วมกับ เปปไทด์ Matrixyl® ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อีลาสติน และไฮยาลูรอนิก แอซิด: 3 เส้นใยโปรตีนที่จะช่วยให้ผิวเรียบเนียน และ Aquaxyl™ 2.0% ที่จะช่วยล็อกความชุ่มชื้นให้กับผิว

วิธีใช้: 

ทาได้ทั่วใบหน้า โดยให้ลงเป็นขั้นตอนที่ 2 หลังใช้สกินแคร์ที่เป็นของเหลว เช่น น้ำตบ โทนเนอร์ และตามด้วยมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อลดการระคายเคืองเสมอ

ใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น หากไม่ได้มีสกินแคร์ที่เป็นกรด หรือมีส่วนผสมผลัดเซลล์ผิวในรูทีน และควรใช้ร่วมกับมอยซ์เจอร์ไรเซอร์และครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป

สำหรับมือใหม่: 

เริ่มใช้จากสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หากไม่มีการระคายเคืองจึงค่อยเพิ่มความถี่เป็นวันละครั้ง